Custom Search

Search This Blog

Wednesday, April 15, 2020

ประกันสังคม VS บัตรทอง


ประกันสังคม VS บัตรทอง
อายุ 60 ปี จะต่อสิทธิ์ประกันสังคม หรือ รับบำนาญแล้วไปใช้บัตรทอง แบบไหนดีกว่ากัน
(ความเห็นโดย นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์)

ตอนอายุ 60 ปี จะต่อสิทธิ์ประกันสังคมมาตรา 39 เพื่อเอาสิทธิ์รักษาพยาบาลต่อไป หรือ ไปใช้สิทธิ์บัตรทอง แต่ได้เงินบำนาญจากประกันสังคมเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน

ประเด็นที่ 1.

อะไรคือส่วนที่ดีที่สุดของบัตรประกันสังคม ตอบว่าบำนาญนั่นแหละครับ เป็นส่วนที่ดีที่สุดของบัตรประกันสังคม เพราะในบรรดาเงินประกันสังคมที่เก็บไปทั้งหมด ราว 90% จะไปเป็นกองทุนชราภาพ ก็คือ บำนาญนั่นแหละ
ดังนั้นหากคุณมีสิทธิประกันสังคม เรื่องอะไรจะทิ้งส่วนที่ดีที่สุดและเป็น 90% ของระบบนี้
แล้วไปรับแค่สิทธิรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นแค่ 10% ของระบบละครับ

ว่าที่จริงแล้วการมีมาตรา 39 คือเปิดให้ผู้ชรา ต่อสิทธิได้ด้วยการเป็นผู้ประกันตนเองนั้น "เป็นลูกเล่นที่จะชลอการจ่ายบำนาญนั่นเอง"
ถ้าสมาชิกขยันต่อบัตรกันมาก ก็จะตายไป ขณะที่ยังเป็นสมาชิก ซึ่งต้องจ่ายเงินสมทบทุกเดือนอยู่ จึงเท่ากับเป็นการอยู่ในฐานะ "ผู้เลี้ยงระบบ"
แทนที่จะเป็นผู้ร้บบำนาญ ซึ่งเป็นการอยู่ในฐานะ "ผู้เป็นภาระต่อระบบ" (หรือ ผู้ได้ประโยชน์จากระบบ)

ประเด็นที่ 2.

การย้ายไปใช้สิทธิรักษาพยาบาลจากบัตรทอง กับการใช้สิทธิรักษาพยาบาลของประกันสังคม อะไรดีกว่ากัน
ตอบว่า บัตรทองดีกว่า ในแง่ของระบบเครือข่ายการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมกว่า คือเริ่มตั้งแต่พยาบาลเยี่ยมบ้าน ใกล้บ้านใกล้ใจ หรือ รพ.สต. (ส่งเสริมสุขภาพตำบล) ขึ้นไปจนถึง รพ.ศูนย์ ที่มีขีดความสามารถรักษาโรคลึกได้ครบถ้วน
ส่วนประกันสังคมนั้น ดีกว่าในแง่สามารถเลือก รพ.เอกชน เป็น รพ.คู่สัญญาได้ (หากมองว่ารพ.เอกชนสวยงามและสะดวกสบายกว่าของรพ.ของรัฐ) ส่วนคุณภาพการรักษา โดยเนื้อในนั้นไม่ต่างกัน โดยรวมแล้ว ผมมีความเห็นว่าดีพอๆกันครับ แล้วแต่คนชอบ

ประเด็นที่ 3.

ทั้งสองระบบมั่นคงไหม ตอบว่าโลกนี้ไม่มีอะไรมั่นคง ให้คุณอยู่กับปัจจุบันและยอมรับความไม่แน่นอนของอนาคต สมัยผมเป็นหมออยู่นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศสังคมนิยมที่จัดว่าเป็นสวรรค์ของประชาชนระดับรากหญ้า โดยเฉพาะคนแก่ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ประมาณปีค.ศ. 1989 ถ้าจำไม่ผิด รัฐบาลก็ประกาศเลิกระบบบำนาญประชาชนเสียดื้อๆ แบบตูม..ม ช็อคซีเนมา ผู้คนร้องแรกแหกกระเฌอกัน ราวกับว่าโลกจะแตก เวลาออกตรวจคนไข้ผมต้องเสียเวลาไปกับการฟังคนแก่บ่นเรื่องการเลิกบำนาญ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรไป ทุกคนก็ยอมรับกันได้ ที่เล่าให้ฟังนี้ เพื่อให้เข้าใจว่า ขนาดประเทศที่เป็นสังคมนิยม มาแต่อ้อนแต่ออด ยังเลิกสวัสดิการสังคมได้ ก็ในเมื่อเงินมันไม่มี จะไม่เลิกได้ไงละครับ

ประเด็นที่ 4.

ในระหว่างสองระบบ ระบบบัตรทองกับประกันสังคม อย่างไหนมั่นคงกว่ากัน
ตอบว่า ระบบบัตรทอง มั่นคงกว่า เพราะผมทำนายว่า หากไม่มีการเปลี่ยนกฎกติกา ระบบประกันสังคม ไปได้อย่างเก่ง ก็อีกไม่เกินสามสิบปี เพราะตามข้อมูล เท่าที่เปิดเผยออกมา เราเริ่มจ่ายบำนาญในปี พ.ศ. 2557 ปีแรกก็มีคนรับบำนาญราว 1.3 แสนคน จ่ายเงินไป 4,700 ล้านบาท คำนวณแบบง่ายๆพอไปถึงปี 2587 เงินออก (20% ของค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้าย) ก็จะเริ่มมากกว่าเงินเข้า (ฝ่ายละ 3%ของค่าจ้าง) แปลไทยให้เป็นจีนว่า "บ้อจี๊" และถ้าคุณแอบเงี่ยหูฟังเวลา รมต.หรือผู้รับผิดชอบให้สัมภาษณ์ กี่คนต่อกี่คน พูดกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็จะพูดเหมือนกันหมดตรงที่มีความกังวลว่าเบี้ยจะไม่พอจ่าย

ส่วนระบบบัตรทองนั้น ก็ใช่ว่าจะมีเงิน ว่าไปแล้วก็ยากจนกว่าระบบประกันสังคมเสียอีก แต่ผมทำนายว่าจะมั่นคงกว่า เพราะมันเป็นระบบถูลู่ถูกัง เนื่องจากเมืองไทยนี้เป็นประเทศของนักร้อง ระบบการเมืองของเราไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทหาร หรือรัฐบาลเลือกตั้ง ล้วนต้องอาศัยการสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งเป็นนักร้อง ไม่มีใครกล้าแตะระบบบัตรทอง เพราะกลัวนักร้อง ทุกครั้งที่เปลี่ยนรัฐบาล คืออย่างน้อยก็สามรัฐบาลที่ผ่านมา ผมเขียนจดหมายถึงผู้มีอำนาจให้ออกกฎหมายจัดเก็บเงินเบี้ยสุขภาพ เอาจากคนรวย และหันมาใช้เงินไปกับการส่งเสริมสุขภาพให้มากขึ้นเพื่อให้ระบบอยู่ได้ แต่ทุกรัฐบาลก็..เงียบ เพราะเขากลัวนักร้อง จึงคงต้องทนถูลู่ถูกังกันไปอย่างนี้ อย่างมั่นคงชั่วกัลปาวสาน เรียกว่าเป็นความมั่นคงแบบไทยๆ

-----------------------------------------------------------------------------------